หากพูดถึงซีรีส์ที่มีพล็อตแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร “The OA” (เดอะ โอเอ) ปี 2017 ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง การผสมผสานระหว่างโศกนาฏกรรมเหนือธรรมชาติและความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของตัวละครทำให้ซีรีส์เรื่องนี้โดดเด่นจากผลงานอื่น ๆ
“The OA” เล่าเรื่องราวของ Prairie Johnson หญิงสาวตาบอดที่หายตัวไปอย่างปริศนามาเจ็ดปี ก่อนจะกลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในวันหนึ่งพร้อมกับการมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์ และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังอ้างว่าตัวเองได้รับประสบการณ์เหนือธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ระหว่างที่หายตัวไป
Prairie หรือที่เธอเรียกตัวเองว่า “OA” (Original Angel) พยายามที่จะโน้มน้าวให้กลุ่มเพื่อนเก่าและคนรู้จักเชื่อในเรื่องราวของเธอ โดยเริ่มต้นด้วยการร้อยเรียงประสบการณ์อันเหลือเชื่อผ่านการแสดงละครที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ และลัทธิ
ตัวละครหลักของ “The OA” นำแสดงโดย Brit Marling (รับบท Prairie/OA) และ Jason Isaacs (รับบท Hap, ผู้คุมขัง OA ในช่วงเจ็ดปีที่หายตัวไป) นอกจากนี้ยังมีนักแสดงหน้าใหม่และเก่าที่มาร่วมสร้างสีสันให้กับเรื่องราว
ความลึกลับและความเป็นไปไม่ได้: หัวใจของ “The OA”
สิ่งที่ทำให้ “The OA” เป็นซีรีส์ที่น่าติดตามอย่างยิ่งคือการนำเสนอแนวคิดเหนือธรรมชาติผสมผสานกับพล็อตที่ซับซ้อน ตัวละครในเรื่องถูกทดสอบทั้งทางร่างกายและจิตใจผ่านประสบการณ์สุดวิสัย
- การเดินทางข้ามมิติ
- ความสามารถพิเศษที่เหนือมนุษย์
- การเผชิญหน้ากับความจริงที่โหดร้าย
“The OA” ไม่ใช่แค่ซีรีส์แนว Sci-fi ที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์พิเศษเท่านั้น แต่ยังเป็นการสำรวจจิตใจของมนุษย์และความเชื่อมโยงระหว่างกัน
**ตัวละครที่น่าจดจำ:
**
ชื่อตัวละคร | แสดงโดย | บทบาท |
---|---|---|
Prairie Johnson / OA | Brit Marling | หญิงสาวตาบอดที่หายตัวไปเจ็ดปีและกลับมาพร้อมกับความสามารถพิเศษ |
Hap | Jason Isaacs | นักวิทยาศาสตร์จิตวิทยาผู้มีวิธีการทดลองอันโหดร้าย |
Steve Winchell | Hunter Parry | เพื่อนเก่าของ Prairie ที่มีความรักและความภักดี |
Jesse Mills | Brendan Meyer | เพื่อนเก่าของ Prairie ที่มีนิสัยขี้สงสัย |
“The OA” สร้างตัวละครที่น่าจดจำและมีความซับซ้อน ทั้งผู้ที่มีความสามารถพิเศษ และผู้ที่ต้องเผชิญกับความสูญเสีย
ดนตรีและภาพยนตร์: สร้างบรรยากาศที่ลึกลับ
นอกจากพล็อตเรื่องที่น่าสนใจแล้ว “The OA” ยังโดดเด่นด้วยดนตรีประกอบที่ช่วยสร้างอารมณ์ขึงขัง และภาพ cinematography ที่สวยงาม อีกทั้งการใช้แสงและเงาอย่างชาญฉลาดช่วยเพิ่มความลึกลับและลี้ลับให้กับเรื่องราว
ข้อสรุป: “The OA” - การผจญภัยที่คุ้มค่า
แม้ว่าซีรีส์ “The OA” จะจบลงอย่างเป็นปริศนา (เนื่องจาก Netflix ยกเลิกการทำภาคต่อ) ก็ยังคงเป็นผลงานที่น่าประทับใจและกระตุ้นความคิด
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนว Sci-fi และ Fantasy ที่มีเนื้อหาลึกลับ ซับซ้อน “The OA” ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม และรับรองว่าจะทำให้คุณติดงอมแงมไปกับเรื่องราวได้อย่างแน่นอน
คำติชมและข้อสงสัย:
- “The OA” มีแนวโน้มที่จะสร้างความสับสนในช่วงต้นของซีรีส์เนื่องจากพล็อตที่ซับซ้อน
การจบลงแบบ Abrupt ของซีรีส์อาจทำให้ผู้ชมรู้สึกผิดหวัง *
อย่างไรก็ตาม “The OA” ยังคงเป็นผลงานที่มีคุณค่าและสมควรแก่การชม