ในโลกภาพยนตร์เงียบของปี ค.ศ. 1922 “The Man Who Laughs” หรือ “ผู้ชายที่หัวเราะ” นับเป็นผลงานชิ้นเอกจากผู้กำกับ Paul Leni ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมด้วยเรื่องราวสุดโหดร้ายและความงามของภาพยนตร์ที่เหนือกาลเวลา
การเดินทางอันยาวนานของการแก้แค้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ Victor Hugo ซึ่งเล่าถึง Gwynplaine (รับบทโดย Conrad Veidt) ผู้ถูกบังคับให้มีรอยยิ้มแปลกประหลาดบนใบหน้าเนื่องจากความแค้นของโจรผู้ใจเหี้ยมที่ต้องการแก้แค้นขุนนาง
Gwynplaine โดนทำทารุณตั้งแต่ยังเป็นเด็กและถูกนำไปเลี้ยงดูโดย Ursus (รับบทโดย Julius Hagen) กะลาสีเรือที่ใจดี Gwynplaine ค่อย ๆ เติบโตขึ้นมาในโลกความมืด โดยมีรอยยิ้มอันน่าสยดสยองเป็นเครื่องหมายประจำตัว
แม้ว่าจะถูกกระทำอย่างโหดร้าย แต่ Gwynplaine ก็ยังคงรักษาความบริสุทธิ์และจิตใจที่อ่อนโยน เขาได้พบกับ Dea (รับบทโดย Mary Philbin) หญิงสาวตาบอดผู้ที่เขารักใคร่ แน่นอนว่าความรักของเขามีอุปสรรคมากมาย
การเผชิญหน้าของความดีและความชั่ว
“The Man Who Laughs” เป็นภาพยนตร์ที่มีฉากการแสดงที่น่าทึ่ง ซึ่งสะท้อนถึงความขัดแย้งภายในตัวละคร Gwynplaine เขาต้องการแก้แค้นผู้ที่ทำร้ายเขาทั้งในอดีตและปัจจุบัน แต่ในอีกด้านหนึ่ง เขาก็ไม่อยากละทิ้งความรักของ Dea
Conrad Veidt นักแสดงนำได้สร้างสรรค์ภาพลักษณ์ของ Gwynplaine ที่น่าประทับใจ ซึ่งทำให้ผู้ชมจดจำบทบาทนี้ไปจนถึงทุกวันนี้ การแต่งหน้าที่ทำให้ใบหน้าของ Veidt เกรี้ยวกราดและน่าสะพรึงกลัว เป็นหนึ่งในความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้
นอกจาก Conrad Veidt แล้ว Mary Philbin ก็แสดงได้อย่างโดดเด่นเช่นกัน ความบริสุทธิ์และความรักของ Dea ทำให้ Gwynplaine ตัดสินใจที่จะไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรม
ภาพยนตร์เงียบที่ไม่มีวันลืม
“The Man Who Laughs” เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของภาพยนตร์เงียบในยุคทอง แม้ว่าจะไม่มีเสียงพากย์ แต่การแสดงที่สมจริงและฉากที่สวยงามก็ทำให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่น่าจดจำ
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพยนตร์:
รายละเอียด | ข้อมูล |
---|---|
ปีที่ออกฉาย | 1922 |
กำกับโดย | Paul Leni |
ดัดแปลงจาก | นวนิยาย “The Man Who Laughs” ของ Victor Hugo |
นักแสดงนำ | Conrad Veidt, Mary Philbin, Julius Hagen |
ความยาว | 85 นาที (ประมาณ) |
สำหรับใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์เงียบ “The Man Who Laughs” ถือเป็นผลงานที่ไม่ควรพลาด เป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อเรื่องเข้มข้น การแสดงที่ยอดเยี่ยม และความงามของภาพยนตร์ที่เหนือกาลเวลา