วงการภาพยนตร์ในปี 1933 ยืนอยู่บนเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์หับเสียง และ “The King of Jazz” ก็เป็นหนึ่งในผลงานที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับยุค swing โดยสมบูรณ์แบบ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เพียงแค่แสดงดนตรีแจ๊สอย่างเท่ห์เทchniques และโชว์ท่าเต้นสุดอลังการของศิลปินชั้นนำเท่านั้น แต่ยังสะท้อนวิถีชีวิตของชาวอเมริกันในยุคนั้นอย่างลึกซึ้ง
“The King of Jazz” เป็นภาพยนตร์ดนตรีที่สร้างโดย Universal Pictures และออกฉายเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 1930 กำกับโดย John Murray Anderson ซึ่งเป็นผู้กำกับและผู้จัดรายการชื่อดังจาก Broadway
จุดเด่นของ “The King of Jazz” ที่ไม่ควรพลาด
- ดนตรีแจ๊สสุดอลังการ: ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยเพลงแจ๊สที่ครึกครื้นและมีชีวิตชีวา ซึ่งนำแสดงโดย Paul Whiteman และวงออร์เคสตร้าของเขา
Paul Whiteman ถือเป็น “ราชาแห่งแจ๊ส” ในยุคนั้น ด้วยความสามารถในการนำดนตรีคลาสสิกมาผสมผสานกับดนตรีแจ๊สได้อย่างลงตัว
เพลงในภาพยนตร์ เช่น “Wang Wang Blues” และ “It’s Been a Long, Long Time” กลายเป็นเพลงฮิตที่ได้รับความนิยมอย่างสูง
- การแสดงสุดตระการตา: ภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากเต้นรำที่สวยงามและน่าดึงดูดใจ ซึ่งนำแสดงโดยนักเต้นระดับโลกในยุคนั้น เช่น Ruth Etting และ Bing Crosby
- ภาพยนตร์สร้างปรากฏการณ์ใหม่: “The King of Jazz” เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ดนตรีเรื่องแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และมีอิทธิพลต่อภาพยนตร์ดนตรีในยุคต่อมา
ตัวละครสำคัญและนักแสดง
ตัวละคร | นักแสดง |
---|---|
Paul Whiteman | ตัวเอง |
Bix Beiderbecke | ตัวเอง |
Tommy Dorsey | ตัวเอง |
Mildred Bailey | ตัวเอง |
Bing Crosby | ตัวเอง |
The Rhythm Boys | ตัวเอง |
พล็อตและเนื้อเรื่อง
“The King of Jazz” ไม่ได้มีพล็อตที่ซับซ้อนเหมือนภาพยนตร์ในยุคปัจจุบัน มันเป็นการแสดงดนตรีแจ๊สที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและรื่นรมย์ ภาพยนตร์เริ่มต้นจากการแสดงของ Paul Whiteman และวงออร์เคสตร้า ซึ่งนำเสนอเพลงแจ๊สคลาสสิกอย่าง “Rhapsody in Blue”
หลังจากนั้นก็เป็นการแสดงของนักร้องและนักเต้นชื่อดังในยุคนั้น เช่น Ruth Etting, Bing Crosby และ The Rhythm Boys
ภาพยนตร์ยังได้นำเสนอสไตล์การแต่งตัวและการใช้ชีวิตของชาวอเมริกันในช่วงทศวรรษที่ 1920s
มุมมองวิชาการ “The King of Jazz” ถือเป็นผลงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการภาพยนตร์ มันเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ดนตรีเรื่องแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และได้สร้างแนวทางใหม่ให้กับภาพยนตร์ดนตรีในยุคต่อมา
นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวอเมริกันในช่วงทศวรรษที่ 1920s ได้อย่างลึกซึ้ง
การประเมินผลงาน “The King of Jazz” ถือเป็นภาพยนตร์คลาสสิกที่ควรค่าแก่การชม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบดนตรีแจ๊สและภาพยนตร์เก่า
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเพลงแจ๊สที่ไพเราะ การแสดงที่ยอดเยี่ยม และฉากเต้นรำที่ตระการตา
แม้ว่าพล็อตของภาพยนตร์จะไม่มีอะไรมาก แต่ความสนุกสนานและความบันเทิงก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชมประทับใจ