จากประสบการณ์อันยาวนานในการวิเคราะห์และพินิจพิเคราะห์ผลงานศิลปะชั้นสูงของวงการภาพยนตร์มาหลายทศวรรษ ผมมั่นใจว่า “The Great Train Robbery” เป็นผลงานที่ทุกคนควรได้สัมผัสอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต
ภาพยนตร์เงียบขนาดสั้นเรื่องนี้สร้างขึ้นในปี 1903 และกำกับโดย Edwin S. Porter ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกและปูทางไปสู่ยุคทองของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด “The Great Train Robbery” นำเสนอเรื่องราวการปล้นรถไฟที่แสนหวาดเสียว ซึ่งครั้งแรกในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ มีการใช้เทคนิคการตัดต่อ (editing) และมุมกล้องหลากหลายเพื่อสร้างความตื่นเต้นและดึงดูดผู้ชม
การปฏิวัติของ “The Great Train Robbery”
“The Great Train Robbery” ไม่ใช่เพียงแค่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่เป็นการปฏิวัติวิธีคิดในการเล่าเรื่องบนแผ่นฟิล์ม ก่อนหน้าภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้ชมจะต้องรับชมเหตุการณ์ต่างๆ ตามลำดับที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต
แต่ Porter ได้นำเสนอเทคนิคการตัดต่อที่ทำให้ผู้ชมสามารถติดตามความตื่นเต้นและระทึกขวัญได้อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ฉากการปล้นรถไฟถูกถ่ายทำด้วยมุมกล้องหลายมุม จากนั้นจึงนำมาตัดต่อกันเพื่อสร้างภาพรวมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นอกจากเทคนิคการตัดต่อแล้ว “The Great Train Robbery” ยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ใช้เทคนิค close-up เพื่อโฟกัสไปยังใบหน้าและอารมณ์ของตัวละคร เทคนิคนี้ทำให้ผู้ชมสามารถ empathize กับตัวละครได้มากขึ้น
ความสมจริงที่น่าทึ่ง
แม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์เงียบ แต่ “The Great Train Robbery” ก็สามารถสื่อความรู้สึกของความตื่นเต้น การสงสัย และความหวาดกลัวได้อย่างชัดเจน การแสดงของนักแสดงก็เป็นที่น่าชื่นชม พวกเขารู้วิธีแสดงอารมณ์และเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง
ฉากการไล่ล่าบนรถไฟและการต่อสู้ระหว่างโจรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกจัดทำอย่างสมจริง ผู้กำกับ Porter รู้จักใช้สถานที่และภูมิประเทศมาช่วยสร้างความตื่นเต้น เช่น การวิ่งหนีไปตามทางรถไฟและการยิงปืน
The Great Train Robbery: ภาพยนตร์คลาสสิกที่ไม่ควรพลาด!
“The Great Train Robbery” เป็นภาพยนตร์คลาสสิกที่ทุกคนควรได้ดูอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ไม่เพียงแต่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ใช้เทคนิคการตัดต่อและ close-up แต่ยังเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความตื่นเต้นและระทึกขวัญให้กับผู้ชม
หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์คลาสสิกที่จะทำให้คุณได้เห็นรากฐานของศิลปะการทำภาพยนตร์ “The Great Train Robbery” ก็คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ