หากจะพูดถึงภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมาตั้งแต่ยุคต้นศตวรรษที่ 20 “The Great Train Robbery” จะต้องติดอันดับต้น ๆ แน่นอนว่าในสมัยนั้นยังไม่มีโทรทัศน์เหมือนทุกวันนี้ แต่ภาพยนตร์เงียบเรื่องนี้กลับกลายเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความฮือฮาอย่างมาก และถือเป็นผลงานที่นำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการสร้างภาพยนตร์
“The Great Train Robbery” (1903) เป็นภาพยนตร์สั้นของ Edwin S. Porter ซึ่งมีระยะเวลาเพียง 12 นาทีเท่านั้น แต่กลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและการดำเนินเรื่องที่รวดเร็ว โพลต์ของเรื่องนั้นเรียบง่าย:
- กลุ่มโจรผู้ชั่วร้ายวางแผนปล้นขบวนรถไฟ
- พวกเขาโจมตีเจ้าหน้าที่บนขบวนรถ และแย่งชิงเงินสดไป
- จากนั้น พวกโจรก็พยายามหลบหนีจากตำรวจ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการภาพยนตร์ เพราะเป็นครั้งแรกที่ใช้เทคนิค “ตัดต่อ” (editing) อย่างจริงจัง Porter สร้างฉากและลำดับเหตุการณ์อย่างชาญฉลาด ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังติดตามเหตุการณ์จริง
นอกจากนี้ “The Great Train Robbery” ยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่นำกล้องไปถ่ายทำนอกสตูดิโอ (on location) ซึ่งช่วยสร้างความสมจริงให้กับภาพ และทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ากำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ
ภาพยนตร์เงียบ กับเสน่ห์ของการจินตนาการ
“The Great Train Robbery” เป็นภาพยนตร์เงียบ ซึ่งหมายความว่าไม่มีเสียงใด ๆ ในภาพยนตร์เลย แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ชมก็สามารถเข้าใจเนื้อเรื่องได้อย่างชัดเจน
Porter ใช้ภาษาภาพ (visual language) อย่างเชี่ยวชาญในการสื่อสารกับผู้ชม
- การแสดงท่าทางและสีหน้าของนักแสดง
- การใช้สัญลักษณ์และฉากหลังที่โดดเด่น
ความเงียบนี้กลับกลายเป็นข้อได้เปรียบ ในการปลุกจินตนาการของผู้ชมให้สร้างภาพเสียงและบรรยากาศขึ้นมาเอง
เมื่อคุณได้ดู “The Great Train Robbery” ลองนึกภาพเสียงกระห่ำของปืน, เสียงหวีดของขบวนรถ, และเสียงวิ่งไล่ล่าของโจรกับตำรวจ มันจะเป็นประสบการณ์ที่พิเศษและน่าจดจำอย่างแน่นอน
**“The Great Train Robbery”:
** ต้นแบบแห่งภาพยนตร์แอ็คชั่น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า “The Great Train Robbery” เป็นต้นแบบของภาพยนตร์แอ็คชั่นสมัยใหม่
- การไล่ล่า, การต่อสู้, และฉากระเบิด ที่เราเห็นในภาพยนตร์ปัจจุบันล้วนมีรากเหง้ามาจากภาพยนตร์เรื่องนี้
Porter ได้สร้างเทคนิคการถ่ายทำที่เป็นต้นแบบของภาพยนตร์แอ็คชั่นในภายหลัง
- มุมกล้องที่ถูกเลือกอย่างชาญฉลาด
- การตัดต่อที่รวดเร็วและตื่นเต้น
- การใช้เอฟเฟกต์พิเศษอย่างง่ายๆ (เช่น การจำลองควันระเบิด)
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นต่อมาสร้างผลงานภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
**“The Great Train Robbery”:
** แนวคิดใหม่ของการสร้างภาพยนตร์
นอกจากเทคนิคการถ่ายทำแล้ว “The Great Train Robbery” ยังเป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอแนวคิดใหม่ๆ ในการสร้างภาพยนตร์
- เรื่องราวที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
- ตัวละครที่ชัดเจน (แม้จะไม่มีบทพูด)
- ฉากจบที่น่าจดจำ
ภาพยนตร์เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าภาพยนตร์ไม่จำเป็นต้องยาวหรือมีบทสนทนา lengthy
ก็สามารถสร้างความบันเทิงและความประทับใจให้กับผู้ชมได้เช่นกัน
**“The Great Train Robbery”:
** ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์
“The Great Train Robbery” เป็นภาพยนตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งในแง่ของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์
- เป็นหนึ่งในภาพยนตร์เงียบที่โด่งดังที่สุด
- เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ใช้เทคนิคการตัดต่ออย่างจริงจัง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับวงการภาพยนตร์ และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้กำกับและนักแสดงรุ่นต่อมา
ในปัจจุบัน “The Great Train Robbery” เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ใน National Film Registry ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นเกียรติสูงสุดสำหรับภาพยนตร์
**
** สรุป**
หากคุณสนใจในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์ หรืออยากลองชมภาพยนตร์เงียบที่น่าตื่นเต้น “The Great Train Robbery”
เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสั้นและไม่มีเสียง แต่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น การดำเนินเรื่องที่รวดเร็ว และเทคนิคการสร้างภาพยนตร์ที่ล้ำหน้า
ลองดูแล้วคุณจะได้เห็นว่า “The Great Train Robbery” เป็นภาพยนตร์
ที่ยังคงทันสมัยและน่าสนใจแม้ในยุคปัจจุบัน!